..คลิกที่รูป...บริการถ่ายภาพสุดประทับใจ prewedding รับปริญญา พิธีการต่าง แฟชั่น อีกมากมาย ติดต่อ : 0899274733 msn:tuchkay@hotmail.com

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยึดทรัพย์ ทักษิณ 4.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน


มติศาลฎีกา ยึดทรัพย์ ทักษิณ 46,373 ล. (ไอเอ็นเอ็น)

องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมง ก่อนมีคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ผู้พิพากษาได้อ่านสำนวนฟ้องของอัยการสูงสุดแล้ว จึงได้เริ่มคำแย้งของทักษิณและครอบครัว เสร็จแล้วได้อ่านคำวินิจฉัยขององค์คณะผู้พิพากษาโดยเห็นว่าคุณหญิงพจมาน และครอบครัวชินวัตร มีความสัมพันธ์กันและเข้ารับสัมปทานโครงการของรัฐ ต่อจากนั้นศาลได้วิเคราะห์ตามคำฟ้องและข้อโต้แย้ง เริ่มจากเห็นว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจในการวินิจฉัยคดีนี้

และเห็นว่าคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีอำนาจไตร่สวนที่จะยื่นคำร้องตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประ (คปค.) และได้ดำเนินการตามกรอบเวลาที่กำหนดตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 แล้ว

และคณะอนุกรรมการได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและพิสูจน์ทรัพย์สินอย่างเต็มที่ ไม่ได้ปิดกั้นผู้ถูกกล่าวหาตามที่อ้าง รวมถึงองค์ประกอบของ คตส.ก็ไม่มีปัญหาหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ถูกต้องแต่อย่างใด องค์คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ว่า คตส.มีอำนาจร้อง รวมทั้งพิเคราะห์ข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า กรรมการ คตส. ได้แก่ นายกล้าณรงค์ จันทิก นายบรรเจิด สิงคเนติ และนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นปฎิปักษ์ นั้นฟังไม่ขึ้น

ศาลได้วินิจฉัยต่อมาถึงกรณีการได้มาซึ่งทรัพย์ของผู้ถูกร้องอย่างเช่น การแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต ด้วยการตรา พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต ( พ.ศ.2527) พ.ศ.2546 โดยเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม และครบถ้วนตามกฎหมายและไม่จำต้องบรรยายรายละเอียดของทรัพย์สินเพราะเป็น เรื่องต้องพิสูจน์ในศาล ต่อจากนั้นได้วินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นแทน

ต่อจากนั้นได้ศาลวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นแทน โดยระบุว่า การขายหุ้นให้พี่น้องของผู้ถูกร้องมีพิรุธ ไม่มีใครจ่ายเป็นเงินทั้งที่จริงๆมีเงินจ่ายได้แต่กลับจ่ายเป็นตั๋วสัญญา ดังนั้นการใช้เงินสด 68 ล้านบาท ไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดงข้ออ้างการใช้เงินจึงรับฟังไม่ได้ และเป็นผู้รับเงินปันผลแสดงว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ซึ่งตามบัญชีบริษัทแอมเพิลริช มีเงินปันผลเข้าบัญชีในปี 2546-47 และต้นปี 2548 จำนวน 1 พันล้านบาท

ดังนั้นศาลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 1 ถือหุ้นใหญ่กว่า 1,400 ล้านหุ้นของบริษัทชินคอร์ป ช่วงอยู่ในตำแหน่ง ตามคำร้อง

ศาลวินิจฉัยประเด็นต่อไปว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) ใช้อำนาจขณะเป็นนายกฯเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องไหม โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิต เบื้องต้นเห็นว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตก็เพื่อเก็บรายได้เข้ารัฐ การที่ให้เอาค่าสัมปทานโทรศัพท์มาหักจากอัตราภาษีจึงขัดแย้งกัน การให้เอาค่าสัมปทานไปหักจากภาษีสรรพสามิตทำให้ ทศท.เสียเปรียบและเสียหายอย่างรุนแรง ดังนั้น การทำเช่นนั้นทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่มีรายจ่ายสูงกว่าเอไอเอสมาก ยากที่ผู้ประกอบการรายใหม่จะเกิดได้ ดังนั้นจึงมติด้วยเสียงข้างมากว่าการตรา พ.ร.ก. 2 ฉบับ เพื่อให้เอาค่าสัมปทานไปหักจากอัตราภาษีสรรพสามิตเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ ชินคอร์ป ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6หมื่นล้านบาท

ศาลวินิจฉัยประเด็นต่อมาว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 (พ.ต.ท.ทักษิณ) ได้ดำเนินการแก้สัญญาโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินและโรมมิ่งเอื้อบ.ชินคอร์ป

ศาลได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องดาวเทียมไทยคมและดาวเทียมไอพีสตาร์ว่าการแก้ไข ให้ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมสำรองของไทยคมโดยไม่มีการเปิดประมูลแข่ง ขันอย่างเป็นธรรม แต่ไม่มีการเปิดประมูลตามกฎหมาย จึงมีมติเสียงข้างมากว่า ดาวไอพีสตาร์เอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปและดาวเทียมไทยคม

หลังเวลาผ่านไปเกือบ 7 ชั่วโมง ศาลฎีกาได้เริ่มอ่านประเด็นสุดท้าย คือ การให้พม่ากู้เงินรัฐบาลไทยซื้อสินค้าชินคอป มูลค่า 4 พันล้านบาท ศาลได้วินิจฉัยด้วยมติข้างมากว่า การอนุมัติเงนกู้พม่าเป็นการเเอื้อประโยชน์แก่ไทยคมและชินคอรป แล้วได้วินิฉัยว่า ผู้ถูกร้องใช้อำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 กรณี และเห็นว่าสามารถพิจารณาวินิจฉัยให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินได้ ต่อจากนั้นได้วินิจฉัยว่าทรัพย์ทั้งส่วนขอ งพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน สามารถวินิจฉัยตกเป็นของแผ่นดินได้รวมแล้วประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท จึงพิพากษายึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวงแผ่นดิน ส่วนเงินกว่า 30,247 ล้านบาท เป็นการขายหุ้นที่มีมูลค่าเดิม หากยึดจะถือว่าไม่เป็นธรรม

ด้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ออกแถลงภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ จำนวน 46,373 ล้านบาท โดยระบุว่า ประชาคมโลกคงขบขันที่ตนถูกยึดทรัพย์ของตัวเอง ซึ่งความรู้สึกนั้น คล้ายกับเมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทยถูกยุบ เนื่องจากรัฐบาลทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะคนปักธงกับคนอุ้มรัฐเป็นคนเดียวกัน ทั้งนี้ ตนขอไว้ทุกข์ให้กับความดื้อของตัวเอง ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา และลูก ๆ ที่เคยห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเราเป็นเศรษฐีอยู่แล้ว ควรใช้ชีวิตแบบเศรษฐีดีกว่า ดังนั้นจึงขอโทษลูก ๆ ด้วย พร้อมกันยังได้ตัดพ้อว่า การเมืองใจดำ ขอให้ตนเป็นเหยื่อทางการเมืองคนสุดท้าย ตนเป็นนักเรียนทุนรัฐบาล แต่แล้วกลับเป็นเหยื่อที่ไม่ยุติธรรมที่สุด

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เรียกร้องให้คนเสื้อแดงสู้ต่อไป แต่ต้องสู้อย่างมีสติ อดทน และสันติ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย พร้อมย้ำตนไม่เคยโกงใคร ซึ่งหากโกงจริง ขอให้ตนมีอันเป็นไป ภายใน 7 วัน 10 วัน แต่หากตนไม่ได้โกง ก็ขอให้ดาบนั้นคืนสนอง

21.45 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่งชุดดำอ้างไว้ให้ทุกข์ให้ตัวเองขณะวิดีโอลิงก์ รับทำใจไว้แล้วกรณีถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน แต่ยังดีที่ได้คืนกว่า 3 หมื่นล้าน ยันจะหาความยุติธรรมต่อไป

21.34 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ เชื่อคำพิพากษายึดทรัพย์อดีตนายกฯ ทักษิณ 4.6 หมื่นล้าน จะทำให้สถานการณ์การเมืองไม่รุนแรง แต่ยันรัฐบาลเตรียมพร้อม ทหาร 20 กองร้อยดูแลรอบ กทม.

20.49 น. ศาลฎีกาฯ พิพากษาสั่งยึดทรัพย์จำนวนกว่า 4.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท. ทักษิณ ตกเป็นของแผ่นดิน

20.28 น. รองนายกฯ สุเทพ ปักหลักติดตามสถานการณ์คดียึดทรัพย์ทักษิณที่ทำเนียบ บอกรอศาลอ่านคำพิพากษาจบก่อนจะเปิดแถลง

20.00 น. บรรยากาศการฟังคำตัดสินคดียึดทรัพย์ที่พรรคเพื่อไทยเครียด แกนนำยันไม่แถลงผลการตัดสิน บอกรอผลทักษิณพูดคืนนี้ สส.เชื่อชุมนุมใหญ่ 14 มี.ค.แรงแน่

19.53 น. มติเสียงข้างมาก เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้รัฐบาลพม่ากู้เงิน-เพิ่มวงเงินกู้ 4 พันล้าน เอื้อชินคอร์ปฯ+ชินแซทฯ

19.42 น. ศาลวินิจฉัย พ.ต.ท.ทักษิณ แก้สัญญาโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินและโรมมิ่ง รวมถึงแก้ไขดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมสำรองไทยคม โดยไม่มีการเปิดประมูลตามกฎหมาย มติเสียงข้างมากชี้เอื้อ บ.ชินคอร์ปและดาวเทียมไทยคม

18.56 น. มติเสียงข้างมาก ชี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกพ.ร.ก. 2 ฉบับ เพื่อเอาค่าสัมปทานไปหักจากอัตราภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์แก่ชินคอร์ป ทำให้รัฐเสียหายกว่า 6 หมื่นล้านบาท

18.14 น. องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้นส่วนใหญ่ บริษัท ชินคอร์ป ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยอำพรางหุ้นในชื่อบุคคลอื่น

16.14 น. องค์คณะผู้พิพากษา มีมติเอกฉันท์ ชี้ศาลฎีกามีอำนาจ สามารถชี้ขาดคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้

16.10 น. ผบก.น.1 เผยเสื้อแดงทยอยออกจากสนามหลวงแล้ว และไม่มีความเคลื่อนไหวรอบศาลแต่อย่างใด

15.50 น. พรรคประชาธิปัตย์วอนทุกฝ่าย เคารพคำตัดสินของศาล

15.05 น. กระทรวงสาธารณสุขเตรียมแพทย์-พยาบาล และเวชภัณฑ์ เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน หากเกิดขึ้น

14.55 น. กษิต ภิรมย์ เตรียมแผนอพยพข้าราชการ หากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น

14:38 น. เสธ.แดง โผล่วิทยุชุมชนเสื้อแดงอุดร

14.36 น. ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา ทักษิณอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินคอร์ป โดยมิชอบ

14.31 น. เสื้อแดงไม่รู้เริ่มอ่านคำพิพากษาแล้ว เหตุไม่มีเครื่องกระจายเสียง

14.21 น. มหาดไทยเปิดวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์ม็อบ คดียึดทรัพย์

14.20 น. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ลุ้นผลพิพากษาที่ตึกชิน 3

14.16 น. เสื้อแดงลำปางจับกลุ่มคอยลุ้นคำพิพากษาคดียึดทรัพย์

13.45 น. ข่าวลือสะพัดปอยเปต ฮุนเซนจะปิดด่านหากทักษิณถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด โดยประกาศจะไม่คบประเทศไทย

13.38 น. องค์คณะผู้พิพากษาเริ่มอ่านคำพิพากษาแล้ว

13.18 น. ทักษิณ ชินวัตร วีดีโอลิงค์ บอกเตรียมใจรับผลคดียึดทรัพย์

12.34 น. ทนายความของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และทนายความของพานทองแท้-พินทองทา ชินวัตร เดินทางถึงศาลฎีกาแล้ว และกำลังขึ้นไปยังบนห้องพิจารณา

12.05 น. ประชาชนกว่า 50 คน ทยอยมายื่นความจำนงขอเข้าไปรับฟังคำพิพากษาของศาลฏีกา

12.00 น. สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทยอยเข้าห้องพิจารณาคดีแล้ว

11.56 น. เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ลงประวัติทักษิณ ชินวัตร พร้อมเผยภูมิหลังคดียึดทรัพย์วันนี้

10.54 น. ส.ส.เพื่อไทย เดินทางเข้าพรรครอลุ้นคำตัดสิน พร้อมเสื้อแดงกว่า 20 คน

10.51 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รองผบช.น. เดินทางมายังศาลฎีกา เพื่อตรวจความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัย

09.07 น. 9 ผู้พิพากษาเข้าประชุม เพื่อแถลงคำวินิจฉัยส่วนตนแล้ว ก่อนจะลงมติ เตรียมอ่านคำพิพากษาบ่าย 2

09.00 น. กลุ่มแดงสยามปักหลักชุมนุมที่สนามหลวง แกนนำระบุให้มารวมตัวช่วงบ่าย เพื่อรอฟังคำตัดสิน

08.16 น. เอเอฟพีรายงาน ศาลฎีกานัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นวันพิพากษาใหญ่ของไทย

07.54 น. ทหารยังคุมเข้มหน้าบ้านพัก ประธานองคมนตรี คาดไม่น่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น

07.53 น. ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปล่อยชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะฉะดะ เตรียมพร้อมจู่โจมหากเกิดเหตุรุนแรง รอบศาลฎีกา

07.52 น. บรรยากาศ พรรคเพื่อไทย ยังปกติ สื่อทุกแขนง เฝ้าเกาะติดสถานการณ์ ด้านแกนนำพรรค เตรียมเดินทางเข้าร่วมฟังคำตัดสินด้วย

07.51 น. จับตาบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ในขณะที่บรรยากาศโดยรอบยังเป็นไปตามปกติ เจ้าหน้าที่ สน.ลุมพินี และตำรวจ 191 เฝ้าระวังสถานการณ์

07.46 น. บรรยากาศที่กองบัญชาการกองทัพบก เช้าวันนี้ ยังคงมีการรักษาความปลอดภัยตามปกติ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการระดับสูงต่างเดินทางมาปฎิบัติงานตามปกติ

07.45 น. บ้านจันทร์ส่องหล้า ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่วางกำลังคุมทางเข้าออก เข้มห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าใกล้

07.43 น. กลุ่มแดงสยามกร่อย เหลือปักหลักชุมนุมที่สนามหลวงบางตา แกนนำระบุให้มารวมตัวช่วงบ่าย รอฟังตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ

07.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภายังตรวจรถเข้า-ออกอย่างเข้มงวด แต่ขอเพิ่มกำลัง คาดไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

07.12 น. บรรยากาศโดยรอบบริเวณศาลฎีกา ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เตรียมกำลัง 3 กองร้อยคุมเข้ม ตั้งจุดสกัดทุกประตูเข้าออก ในขณะที่กลุ่มแดงสยามปักหลักชุมนุมที่สนามหลวงแล้ว

07.06 น. องค์คณะผู้พิพากษา คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้ง 9 เดินทางถึงศาลฎีกานักการเมืองแล้ว โดยรถยนต์กันกระสุน พร้อมการรักษาความปลอดภัย ที่เข้มงวด

06.53 น. บรรยากาศรอบทำเนียบยังเป็นไปตามปกติ เจ้าหน้าที่ตรวจรถเข้าออกทุกประตูอย่างเข้มงวด หลังนำสุนัขทหารพร้อมเครื่องสแกน ตรวจวัตถุต้องสงสัยรอบทำเนียบวานนี้

06.21 น. บรรยากาศหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ดูแลความปลอดรักษาความปลอดภัยตามปกติ พร้อมมีการนำแผงเหล็กมากั้น

06.06 น. สื่อมวลชนเริ่มทยอย ปักหลัก จับจองพื้นที่การรายงานข่าว การตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ศาลฎีกา ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด

05.40 น. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลฎีกา เริ่มเปิดประตูที่ 4 แล้ว พร้อมนำแผงเหล็ก กั้นถนนปิดถนน หับเผย ขณะที่สื่อมวลชน เริ่มทยอยจับจองพื้นที่ ถ่ายทอดสดแล้ว

05.29 น. ตำรวจ ทหาร ยังคงสนธิกำลังออกตรวจตราโดยรอบบริเวณจุดเสี่ยง 5 จุด ตามที่ ผบช.น. ให้นโยบายไว้ โดยตลอดคืนที่ผ่านมา ยังปกติ ไม่มีความวุ่นวายใด ๆ

00.47 น. การปราศรัยของกลุ่มแดงสยามบริเวณท้องสนามหลวง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่บรรยากาศหน้าศาลฏีกา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

00.33 น. ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ลงพื้นที่รอบศาลฏีกา ตรวจเข้มการรักษาความปลอดภัย พร้อมส่งชุดสืบสวนสอบสวนกระจายกำลังโดยรอบเพิ่มกว่า 80 นาย ป้องกันเหตุความไม่สงบ ก่อนอ่านพิพากษาตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน พ.ต.ท.ทักษิณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น